Results (
Thai) 1:
[Copy]Copied!
นอาหารอย่างไร... ถึงจะไม่ต้องกลัวมะเร็ง ความรู้เกี่ยวกับการทำอาหารและการเลือกทานอาหารสำหรับผู้มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งนั้นได้ถูกตีพิมพ์แพร่หลายได้มีการทำวิจัยทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศมานานกว่า 10 ปีแล้วแต่ผู้คนมักไม่ทราบหรืออาจเพราะไม่ได้สนใจว่าควรต้องกินอย่างนั้นไม่คิดว่าตัวเองอยู่กลุ่มผู้มีความเสี่ยงทั้งที่จริงๆ แล้วอาจมีผู้คนในสังคมที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งมากถึงร้อยละ 90 ก็ว่าได้ทั้งที่เป็นปัจจัยมาจากพันธุกรรมและปัจจัยเสริมภายนอกเช่นสภาวะมลพิษสารพิษปนเปื้อนในอาหารสภาวะอากาศและสภาวะความเครียดโดยสามารถเกิดโรคมะเร็งได้แทบทุกส่วนของร่างกายตั้งแต่มะเร็งในเม็ดเลือดตับปอดสมองลำไส้(ส่วนมากเป็นลำไส้ใหญ่)มดลูกทรวงอกรังไข่อัณฑะซึ่งอันดับยอดฮิตในผู้ชายก็คือมะเร็งปอดตับลำไส้อัณฑะส่วนในผู้หญิงก็คือมะเร็งทรวงอกมดลูกรังไข่ตับลำไส้จะสังเกตได้ว่าผู้หญิงมีส่วนของอวัยวะที่เกิดมะเร็งได้มากกว่าผู้ชายเสียอีกไม่ได้แข่งกันเอาโล่ห์แต่ความฮิตของมะเร็งที่เกิดในแต่ละจุดของร่างกายก็ขึ้นๆ ลงๆ แย่งอันดับกันอยู่ตลอดเวลาสังเกตอีกนิดส่วนที่เกิดมะเร็งได้ง่ายมักเป็นส่วนที่ไม่ค่อยได้ขยับมากนักเมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆ อีกทั้งเป็นส่วนที่เกิดการกระทบกระทั่งเสียดสีมากมีการสัมผัสหรือปนเปื้อนด้วยไขมันหมักหมมเป็นเวลานานเซลของเนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวจึงเจริญเติบโตในแบบที่แปลกไป หากจะอนุมานสาเหตุการเกิดมะเร็งยกตัวอย่างเช่นมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยความคิดเห็นส่วนตัวก็คิดว่าเกี่ยวกับสุขนิสัยการทานการออกกำลังกายการขับถ่ายและการทำกิจวัตรประจำวันตามปรกติผู้ชอบทานอาหารเยอะๆ ในคราวเดียวอีกทั้งอาหารที่ทานมีความมันจัดเผ็ดจัดเค็มจัดเปรี้ยวจัดและชอบทานเนื้อสัตว์ในปริมาณมากทำงานนั่งเก้าอี้นานๆ ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายยังไม่นับเรื่องการนอนดึกความเครียดจากการทำงานและการขับถ่ายไม่ได้ตามเป็นปกติเพราะร่างกายไม่ได้ขยับเขยื้อนมากพอลำไส้ไม่เกิดการขยับและเคลื่อนตัวก็ไม่ปวดอุจจาระเลยการเก็บอุจจาระไว้หมักหมมในลำไส้นานๆ บางคนที่รู้จักไม่ถ่ายนานเกือบ 10 วันทำให้เกิดภาวะเป็นกรดจากการมีอาหารที่ย่อยแล้วบูดเน่าทั้งพวกไขมันและซากเนื้อสัตว์บวกกับพริกน้ำปลามะนาวน้ำส้มฯลฯ ที่ไหลผ่านลำไส้เล็กมาแล้วหมักผสมกันอยู่ที่ลำไส้ใหญ่ไม่ต่างอะไรจากไหหมักปลาร้ารสแซ่บเลยเมื่อหมักได้ที่ทั้งกรดและสารที่ตกค้างอยู่ในกากอาหารเหล่านั้นก็ถูกดูดซึมผ่านลำไส้เข้าไปใหม่คราวนี้มันไม่ได้เป็นสารอาหารแต่มันเป็นสารก่อมะเร็งเมื่อสารพวกนี้ต้องไปถูกสกัดโดยไตและตับมันก็ไปสะสมต่อที่นั่นหากมีปริมาณมากพอที่จะทำให้เซลของอวัยวะเหล่าดูดซึมเข้าไปแล้วเจริญเติบโตผิดปกตินั่นก็เป็นชัยชนะของมะเร็งไปแล้วคุณจะไม่มีทางรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งระยะที่หนึ่งเพราะมันยังไม่ออกอาการส่วนใหญ่ที่พบมักเป็นระยะที่สองไปแล้ว ดังนั้นหากเราจะจัดการกับมะเร็งเมื่อเป็นมะเร็งแล้ว จึงกลายเป็นเรื่องยาก ทำให้ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยเสียชีวิตเพราะหมดกำลังใจ มากกว่าจะเสียชีวิตเพราะความทรมานที่เกิดจากผลข้างเคียงของการรักษามะเร็งเสียอีก เราจึงควรดูแลรักษาสุขภาพด้วยการปฎิบัติตัวในวิถีที่เซลมะเร็งไม่ชอบ เช่น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่สะอาดปราศจากสารเคมีปรุงแต่ง ไม่มีไขมันที่ได้จากสัตว์ ทานเนื้อสัตว์ที่ไม่มีไขมันและไม่ได้เลี้ยงด้วยอาหารที่สารเคมีปนเปื้อน หันมาทานพวกผักผลไม้สดให้มากขึ้น เลี่ยงที่จะทานเนื้อสัตว์ปริมาณมากและบ่อย ๆ ไม่ทานอาหารมากเกินความหิว นอนพักผ่อนเพียงพอ รู้จักปรับเปลี่ยนท่าทางในการทำงาน ไม่นั่งทำงานนาน ๆ ติดต่อกันหลาย ๆ ชั่วโมง หาเวลาทำให้ลำไส้สะอาดปราศจากของตกค้างหมักหมม โดยทำดีท๊อกซ์บ้าง หรือ ทานอาหารน้อย ๆ ทานน้ำให้มากพอ ทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง ทำสมาธิวิปัสนาเป็นประจำ หลีกเลี่ยงการเผชิญกับมลพิษต่าง ๆ เช่น ควันจากท่อไอเสียรถ ไอน้ำมัน ควันบุหรี่ ควันจากการปิ้งย่างและการเผาวัสดุต่าง ๆ
Being translated, please wait..
