Results (
Chinese) 1:
[Copy]Copied!
การปฏิรูประบบการปกครองมี1. เลิกล้มระบบ “ระบบหกขุนนาง” ของราชวงศ์เป่ยโจว และตั้งระบบใหม่ขึ้นมา คือ “ระบบสามเสิ่งหกปู้” (ปู้ เท่าที่ดูคล้ายกับ “เจ้ากรม” ของไทย)สามเสิ่งประกอบด้วย ซ่างซูเสิ่ง ขุนนางใหญ่สุดคือ ซ่างซูลิ่ง ; เหมินเซี่ยเสิ่ง ขุนนางใหญ่สุดคือน่าเหยียน ; เน่ยสื่อเสิ่ง ขุนนางใหญ่สุดคือ เน่ยสื่อลิ่ง สามเสิ่งคือองค์การบริหารสูงสุดของส่วนกลาง ขุนนางใหญ่ของสามเสิ่งต่างมีตำแหน่งเป็นอัครมหาเสนาบดีหกปู้เป็นองค์การการปกครองราษฎร มี ลี่ปู้ (รับผิดชอบเลื่อนถอดยศและการสอบของขุนนางเป็นต้น) หมินปู้ (รับผิดชอบเกี่ยวกับจำนวนประชากรและจัดเก็บภาษี) หลี่ปู้ (เจ้ากรมพิธีการ) ปิงปู้ (รับผิดชอบด้านกองทัพ) สิงปู้ (เจ้ากรมราชทัณฑ์) กงปู้ (เจ้ากรมโยธา) ขุนนางใหญ่สุดของแต่ละปู้ต่างมีตำแหน่งเป็น “ซ่างซู”ระบบขุนนางเช่นนี้เป็นการกระจายอำนาจของสามเสิ่ง เสริมอำนาจของฮ่องเต้ เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการณ์ที่อำนาจทั้งหมดตกอยู่ในมือของอัครมหาเสนาบดีเพียงผู้เดียว (โดยให้มีอัครมหาเสนาบดีเยอะแยะไปหมดแทน)หน้าที่การงานของสามเสิ่งและหกปู้แบ่งแยกออกจากกันอย่างชัดเจน เป็นการปฏิรูประบบต่าง ๆของส่วนกลาง เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ เสริมอำนาจขององค์กรการปกครองของส่วนกลางให้เข้มแข็งขึ้น2. ปีที่ 3 ศักราชคายหวง (ค.ศ. 583) สุยหยางตี้ได้ออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองส่วนภูมิภาคจากระบบโจว (มณฑล) จวิ้น (จังหวัด) เซี่ยน (อำเภอ) 3 ระดับ เป็น โจว (จังหวัด) เซี่ยน (อำเภอ) 2 ระดับแทน และได้รวมบางโจวและบางเซี่ยนเข้าด้วยกัน เป็นการกำจัดขุนนางส่วนเกิน ปฏิรูประบบขุนนางให้ดีขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่าย หลังจากนั้นยังกำหนดว่า ขุนนางในภูมิภาคระดับ 9 ขึ้นไป (สูงสุดคือระดับ 1) ต่างยกให้ลี่ปู้เป็นผู้แต่งตั้งและปลดตำแหน่ง และจัดให้มีการสอบทุกปี ขุนนางระดับรองในโจว เซี่ยนจะต้องเปลี่ยนทุก 3 ปี และห้ามมิให้รับตำแหน่งซ้ำในพื้นที่เดิม ทั้งยังต้องให้คนต่างถิ่นมาดำรงตำแหน่ง ห้ามใช้คนในท้องถิ่นสิ่งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ที่ความเคยชินที่ขุนนางในส่วนภูมิภาคต่างรับลูกน้องพวกพ้องมาเป็นขุนนางผู้น้อยใต้อำนาจของตนอันเป็นมาแต่สมัยราชวงศ์ฉินและราชวงศ์ฮั่น การทำเช่นนี้ทำให้สามารถป้องกันมิให้ผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นผูกขาดอำนาจการปกครอง เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมส่วนภูมิภาคของส่วนกลางให้รัดกุมมากขึ้น3. ปฏิรูประบบการเลือกขุนนางระบบคัดเลือกขุนนางเก้าระดับที่ใช้มาแต่ราชวงศ์เว่ยจนถึงราชวงศ์เป่ยโจว จะดูชาติตระกูลประกอบการคัดเลือกขุนนาง สามัญชนจึงยากมากที่จะมีโอกาสได้เป็นขุนนาง สุยเหวินตี้ได้ยกเลิกระบบคัดเลือกขุนนางเก้าระดับนี้ โดนเปลี่ยนเป็นคัดเลือกขุนนางโดยไม่ดูชาติตระกูล ให้แต่ละโจวส่งคนสามคนมาเข้าร่วมการสอบทุกปี ผู้ที่สอบผ่านจะได้เป็นขุนนาง เช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นการขยายแหล่งทรัพยากรบุคคลที่จะคัดเลือกมาเป็นขุนนางเท่านั้น ทั้งยังเป็นการยกระดับคุณภาพของขุนนาง มีส่วนช่วยอย่างมากต่อการพัฒนาการปกครอง
4. เปลี่ยนแปลงระบบกฎหมายในยุคเป่ยโจว ได้มีการชำระเปลี่ยนแปลงกฎหมายหลายครั้ง กฎหมายเดี๋ยวหย่อนยานเดี๋ยวเข้มงวด บทลงโทษก็เป็นไปอย่างสับสน สุยเหวินตี้ได้เปลี่ยนแปลงระบบกฎหมายใหม่หมด และให้บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร คือ “คายหวงลวี่” (กฎหมายแห่งศักราชคายหวง) “คายหวงลวี่” ได้ยกเลิกการลงทัณฑ์อย่างทารุณต่าง ๆบางอย่างของยุคก่อน ๆ ปรับเปลี่ยนตัวบทกฎหมายให้อ่านง่ายขึ้น และได้กลายเป็นพื้นฐานในการบัญญัติกฎหมายของยุคราชวงศ์ถังและราชวงศ์อื่น ๆต่อมาในภายหลัง
Being translated, please wait..
