ปราสาทบายนสร้างในปีพุทธศตวรรษที่ 18

ปราสาทบายนสร้างในปีพุทธศตวรรษที่ 18 รัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นศิลปะแบบบายน ศาสนาพุทธนิกายมหายาน ปราสาทบายนเป็นปราสาทหลวงประจำรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และเป็นการปฏิวัติรูปแบบของการสร้างปราสาทที่มีภาพลักษณ์ต่างจากการสร้างรูปแบบเดิมๆ โดยสิ้นเชิง เป็นเพราะพระองค์ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ซึ่งต่างจากกษัตริย์หลายพระองค์ที่ล้วนแล้วแต่นับถือศาสนาฮินดูหรือศาสนาพราหมณ์ที่สืบทอดมากกว่า 415 ปี
• ปราสาทบายนถูกสร้างโดยการนำหินมาวางซ้อนๆ กันขึ้นเป็นรูปร่าง แม้จะเป็นปราสาทไม่ใหญ่โตเท่านครวัด แต่มีความแปลกและดูลี้ลับทั้งปราสาทมีแต่ใบหน้าคน หากขึ้นไปยืนอยู่ภายในปราสาทนี้ไม่ว่ามุมไหนก็หาได้รอดหลุดพ้นจากสายตาเหล่านี้ได้เลย
• นักเดินทางรุ่นเก่าที่เดินทางมายังปราสาทบายนรุ่นแรกๆ เช่น นายปิแอร์ โลตี ได้บันทึกไว้ว่า “ข้าพเจ้าแหงานหน้าขึ้นไปยังปราสาทที่มีต้นไม้ปกคลุม ซึ่งทำให้ตัวเองรู้สึกเหมือนคนแคระและทันทีทันใด เลือดในตัวข้าพเจ้าก็เกิดแข็งเย็นขึ้นมา เมื่อมองเห็นรอยยิ้มขนาดมหึมาที่กำลังมองลงมาแล้วก็รอยยิ้มอีกด้านหนึ่งเหนือกำแพงอีกด้านหนึ่งแล้วก็รอยยิ้มที่สารทแล้วก็รอยยิ้มที่ห้า แล้วก็ที่สิบ ปรากฏจากทั่วสารทิศข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนมีตาคอยจ้องมองอยู่ทุกทิศทาง

Results (English) 1:

ปราสาทบายนสร้างในปีพุทธศตวรรษที่ 18 รัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นศิลปะแบบบายน ศาสนาพุทธนิกายมหายาน ปราสาทบายนเป็นปราสาทหลวงประจำรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และเป็นการปฏิวัติรูปแบบของการสร้างปราสาทที่มีภาพลักษณ์ต่างจากการสร้างรูปแบบเดิมๆ โดยสิ้นเชิง เป็นเพราะพระองค์ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ซึ่งต่างจากกษัตริย์หลายพระองค์ที่ล้วนแล้วแต่นับถือศาสนาฮินดูหรือศาสนาพราหมณ์ที่สืบทอดมากกว่า 415 ปี• Castle stone by nathuk created by placing a shape even though the son is as big as castles of Angkor Wat, but there is a strange and mysterious Castle, but both see the faces of people. If one or more standing inside this castle no matter where it's found salvation angle lifted from these eyes.• นักเดินทางรุ่นเก่าที่เดินทางมายังปราสาทบายนรุ่นแรกๆ เช่น นายปิแอร์ โลตี ได้บันทึกไว้ว่า “ข้าพเจ้าแหงานหน้าขึ้นไปยังปราสาทที่มีต้นไม้ปกคลุม ซึ่งทำให้ตัวเองรู้สึกเหมือนคนแคระและทันทีทันใด เลือดในตัวข้าพเจ้าก็เกิดแข็งเย็นขึ้นมา เมื่อมองเห็นรอยยิ้มขนาดมหึมาที่กำลังมองลงมาแล้วก็รอยยิ้มอีกด้านหนึ่งเหนือกำแพงอีกด้านหนึ่งแล้วก็รอยยิ้มที่สารทแล้วก็รอยยิ้มที่ห้า แล้วก็ที่สิบ ปรากฏจากทั่วสารทิศข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนมีตาคอยจ้องมองอยู่ทุกทิศทาง

Results (English) 2:

Bayon, built in the 18th century reign of Jayavarman 7 as an art gallery, Bayon. Mahayana Buddhism Bayon is the Royal Castle reign of Jayavarman the 7th and revolutionized the style of castle building a positive image of the traditional building altogether because he veneration in Mahayana Buddhism. Unlike many of his king, who are all Hindus or Hinduism inherited more than 415 years
• Bayon was built by stacking stone yet. Shape up Although the castle unimpressive as Angkor Wat. But there is a strange and mysterious castle, but the man's face. If stood inside the castle, whether it's a corner out of sight these have survived
•. Travelers arriving at Bayon older models such as the Pierre Loti was recorded. "My job's up to the castle is covered with plants. Which makes itself felt like a dwarf and abrupt. Blood in me was hard, cold up. When I see the smiling giant is looking down and then smile the other side of the wall to one side and then smile at Sart then smile at five, then ten, appearing from everywhere, I feel like a star. Gaze in all directions

Results (English) 3:

Bayon established in late 18 during the reign of King Suryavarman II 7 art is a bye, the Mahayana Buddhism. Bayon a royal castle in the reign of Suryavarman II 7.Completely, because he believed in Mahayana Buddhism Unlike many of his king all Muslims or Hindu สืบทอดมากกว่า 415 years
.- Bayon was created by each other. The stone placed stacked up into shape, although it is not a big castle as Angkor Wat. But the strange and mysterious castle, but both face.- older traveler came the first generation Bayon, such as Mr. Pierre Lo hit was recorded. "I must face up to the castle with a tree cover. Which make myself feel like a dwarf and abrupt.Seeing smiles gigantic was looking down and smile on the other side wall on the other side and smile and smile of the fifth And the tenth.