เมื่อวัน ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2551 ราชก

เมื่อวัน ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2551 ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศใช้ พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2551 หรือที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า “ กฎหมายห้ามใช้โทรศัพท์ในขณะขับรถ ” โดยกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้เมื่อพ้น 90 วันนับแต่วันที่ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา คือ เริ่มจับวันที่ 8 พฤษาคม 2551 นี้เป็นต้นไปนั้นเอง “ มาตรา 43 ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถ (9) ในขณะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่

เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนาโดยผู้ขับ ขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น ” กฎหมายนี้ครบคลุมถึงรถจักรยานยนตร์ ด้วยหรือไม่? บทนิยามของคำว่า " รถ " ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (15)นั้น มีความหมายว่า " (15) รถ หมายความว่า ยานพาหนะทางบกทุกชนิด เว้นแต่รถไฟและรถราง " ดังนั้นไม่ว่าท่านจะขับรถยนตร์ หรือ ขี่รถจักรยานยนตร์(มอเตอร์ไซด์) ห้ามใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งนั้น ความเป็นมาของกฎหมายนี้ก็คือ ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือ หรือ โทรศัพท์เคลื่อนที่มีบทบาทสำคัญต่อการดำรงชีวิตในด้านการสื่อสาร จนแทบจะนับได้ว่าเป็นปัจจัยที่ 6 รองจากรถเลยก็ว่าได้ กฎหมายนี้เพื่อนบ้านเรา เช่น ญี่ปุ่น จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เขาต่างมีใช้บังคับกันตั้งนานแล้ว ใช่ว่าบ้านเราเมืองเราจะตามกฎหมายนี้ไม่ทัน แต่บ้านเรานั้นใช้เวลากว่า 5 ปีที่เดียวในการร่างและผ่านกฎหมายนี้ออกมา (ทั้งๆที่กฎหมายนี้ก็สั้นนิดเดียว) กฎหมายนี้อ้างสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในหลายๆประเทศเป็นตัววัด ผลสถิติออกมาว่าเมื่อกฎหมายนี้ใช้บังคับแล้วสถิติการเกิดอุบัติเหตุในประเทศ นั้นลดลงอย่างมาก และได้มีการเก็บผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศไทยว่า

เมื่อใช้งานโทรศัพท์มือถือในขณะขับรถนั้นจะทำให้ความสนใจและการตอบสนองสิ่ง ต่างๆที่จำเป็นในการขับรถลดลง เช่น ใช้โทรศัพท์มือถือในขณะขับรถจะไม่เห็นป้ายสัญญาณ ไม่เห็นไฟจราจร ระยะการเบรกลดลง และอื่นๆ ความสามารถที่ลดลงดังกล่าวนี้เทียบได้กับคนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใน ระดับ 80 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นเลยทีเดียว(คนเมานั้นเอง) แต่ใช้ว่าจะใช้โทรศัพท์ในรถไม่ได้เลยสะที่เดียว เพราะกฎหมายนี้ได้มีข้อยกเว้นในกรณีที่ใช้โทรศัพท์โดยมีอุปกรณ์เสริม(Small talk หรือ Hand free หรือ สายเสียบหูฟังโทรศัพท์) แต่ผู้ขับขี่จะต้องไม่ถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้นเลย ความเป็นมาของข้อยกเว้นนี้เพราะว่าปัจจุบันบางท่านใช้เวลาในการเดินทางบนรถ ค่อนข้างมากหลายชั่วโมง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานคร ที่การจราจรติดขัด หากว่าจะไม่ให้ใช้โทรศัพท์เลยก็จะกระทบต่อนักธุรกิจ หรือนักการเมือง ที่ต้องใช้โทรศัพท์ติดต่อสื่อสารตลอดเวลา จึงได้กำหนดข้อยกเว้นไว้ ดีกว่าประเทศญี่ปุ่น ที่ห้ามใช้โทรศัพท์ทุกกรณีไม่มีข้อยกเว้น ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายนี้กำหนดโทษไว้เพียงโทษปรับตั้งแต่ 400 บาท ถึง 1,000 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านเราแล้วถือว่าค่อนข้างต่ำ

แต่อย่างไรก็ดีไม่ฝ่าฝืนจะดีกว่า เพราะว่าหลายฝ่ายได้ยื่นเสนอให้มีการกำหนดโทษโดยการหักคะแนนด้วย แต่จะผ่านสภาและใช้บังคับเมื่อไรก็ไม่รู้ต้องติดตามกันต่อไป และต่อไปไม่แน่อาจมีกฎหมายห้ามคนขับรถคุยสนทนากับผู้โดยสาร หรือ ห้ามฟังเพลงหรือฟังวิทยุขณะขับรถด้วยก็ได้

Results (English) 1:

February 8, 2008, the date when the Government has announced the use of land traffic Act (issue 8) 2551 (2008) or people in General, called the law "do not use the phone while driving," by the law is effective when the expiration of 90 days from the date of the Government is to start a match this date sharp phrisa 2551 (2008) 8 onwards "section 43 only prohibits drivers driving (9) while using a mobile phone. เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนาโดยผู้ขับ ขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น ” กฎหมายนี้ครบคลุมถึงรถจักรยานยนตร์ ด้วยหรือไม่? บทนิยามของคำว่า " รถ " ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 (15)นั้น มีความหมายว่า " (15) รถ หมายความว่า ยานพาหนะทางบกทุกชนิด เว้นแต่รถไฟและรถราง " ดังนั้นไม่ว่าท่านจะขับรถยนตร์ หรือ ขี่รถจักรยานยนตร์(มอเตอร์ไซด์) ห้ามใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งนั้น ความเป็นมาของกฎหมายนี้ก็คือ ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือ หรือ โทรศัพท์เคลื่อนที่มีบทบาทสำคัญต่อการดำรงชีวิตในด้านการสื่อสาร จนแทบจะนับได้ว่าเป็นปัจจัยที่ 6 รองจากรถเลยก็ว่าได้ กฎหมายนี้เพื่อนบ้านเรา เช่น ญี่ปุ่น จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เขาต่างมีใช้บังคับกันตั้งนานแล้ว ใช่ว่าบ้านเราเมืองเราจะตามกฎหมายนี้ไม่ทัน แต่บ้านเรานั้นใช้เวลากว่า 5 ปีที่เดียวในการร่างและผ่านกฎหมายนี้ออกมา (ทั้งๆที่กฎหมายนี้ก็สั้นนิดเดียว) กฎหมายนี้อ้างสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในหลายๆประเทศเป็นตัววัด ผลสถิติออกมาว่าเมื่อกฎหมายนี้ใช้บังคับแล้วสถิติการเกิดอุบัติเหตุในประเทศ นั้นลดลงอย่างมาก และได้มีการเก็บผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศไทยว่า เมื่อใช้งานโทรศัพท์มือถือในขณะขับรถนั้นจะทำให้ความสนใจและการตอบสนองสิ่ง ต่างๆที่จำเป็นในการขับรถลดลง เช่น ใช้โทรศัพท์มือถือในขณะขับรถจะไม่เห็นป้ายสัญญาณ ไม่เห็นไฟจราจร ระยะการเบรกลดลง และอื่นๆ ความสามารถที่ลดลงดังกล่าวนี้เทียบได้กับคนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใน ระดับ 80 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นเลยทีเดียว(คนเมานั้นเอง) แต่ใช้ว่าจะใช้โทรศัพท์ในรถไม่ได้เลยสะที่เดียว เพราะกฎหมายนี้ได้มีข้อยกเว้นในกรณีที่ใช้โทรศัพท์โดยมีอุปกรณ์เสริม(Small talk หรือ Hand free หรือ สายเสียบหูฟังโทรศัพท์) แต่ผู้ขับขี่จะต้องไม่ถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้นเลย ความเป็นมาของข้อยกเว้นนี้เพราะว่าปัจจุบันบางท่านใช้เวลาในการเดินทางบนรถ ค่อนข้างมากหลายชั่วโมง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานคร ที่การจราจรติดขัด หากว่าจะไม่ให้ใช้โทรศัพท์เลยก็จะกระทบต่อนักธุรกิจ หรือนักการเมือง ที่ต้องใช้โทรศัพท์ติดต่อสื่อสารตลอดเวลา จึงได้กำหนดข้อยกเว้นไว้ ดีกว่าประเทศญี่ปุ่น ที่ห้ามใช้โทรศัพท์ทุกกรณีไม่มีข้อยกเว้น ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายนี้กำหนดโทษไว้เพียงโทษปรับตั้งแต่ 400 บาท ถึง 1,000 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านเราแล้วถือว่าค่อนข้างต่ำ แต่อย่างไรก็ดีไม่ฝ่าฝืนจะดีกว่า เพราะว่าหลายฝ่ายได้ยื่นเสนอให้มีการกำหนดโทษโดยการหักคะแนนด้วย แต่จะผ่านสภาและใช้บังคับเมื่อไรก็ไม่รู้ต้องติดตามกันต่อไป และต่อไปไม่แน่อาจมีกฎหมายห้ามคนขับรถคุยสนทนากับผู้โดยสาร หรือ ห้ามฟังเพลงหรือฟังวิทยุขณะขับรถด้วยก็ได้

Results (English) 2:

On February 8, 2551 the Government adopted. Road Traffic Act (No. 8), BE 2551 or the common folk call "laws prohibit the use of phones while driving," by this law into effect after 90 days from the date of publication. The Gazette is starting to catch on 8 May April March 2551 onwards that "Section 43 prohibits a driver to drive (9), while using a cell phone , except for the cell phone accessories for discussion by the driver. Hold the phone, do not ride it, "This legislation fully cover the motorcycle, too? The definition of the word "car", according to the Road Traffic Act 2522, Section 43 (15), means "(15) means for land transport vehicles of all kinds. Unless trains and trams "So whether you are driving a car or riding a motorcycle (motorbike) do not use my cell phone. Of the law is. Nowadays, mobile phones or mobile phones play a vital role for the survival of communications. It's almost a factor of six deputy from the car that it is. This legislation neighbors such as Japan, China, Malaysia, Singapore, Indonesia, we are forced to take a long time ago. Yes, our city that we will not legal. But we spent more than five years to draft and pass laws that single out. (Although the law is a little short), this law cited statistics of accidents on the roads in many countries as a measure. The statistics show that when law enforcement and accident statistics in the country. It greatly reduced And has collected research from universities in Thailand that when using a mobile phone while driving can cause attention and response thing. Needed to drive down as using mobile phones while driving will not see the signs. No traffic lights Term reduced braking and other capabilities such reductions compared with those who drank alcohol in the 80 mg signed it (the Mount itself) but to use the phone in the car, not at all. The single roller The law has exceptions in cases where the phone with accessories (Small talk or Hand free phone line or headphone jack), but the driver must not hold or touch the phone at all. Because of this exception is some time in getting on the bus. Very many Especially in big cities like Bangkok. The traffic jam If not, use the phone, it will affect the business. Or politicians To use the phone to communicate at all times. The exceptions to Better than Japan Do not use the phone all cases without exception. Those who violate this law imposes only a fine from 400 baht to 1,000 baht, compared with our neighboring countries is relatively low , however, it is better not violated. Because many parties have submitted proposed to impose a penalty as well. But when it passed the House and was not applicable to the next track. And anyway, I might not have conversations with law prohibits drivers or passengers not listen to music or radio while driving, too.

Results (English) 3:

On the day that 8 February 2551 Gazette has adopted the road traffic Act (No. 8).2551 or that people generally called "law banning the use of cell phone while driving." by this Law applies when the 90 days declared in the Government Gazette. Is starting to catch on 8 พฤษา sharp 2551 onwards itself. "Section.Prohibit motorists driving (9) while using the mobile phone
.
unless the use of mobile phones by using accessories for discussion by the driver. Ride to hold or catch a mobile phone. "This law fully cover the bicycle film ด้วยหรือไม่?The definition of the word "car", according to the law of road traffic.2522 section 43 (15), that means "(15) car means land conveyance of all kinds, except for trains and trams." so whether you will drive the film. The film or riding a bicycle (motorcycle). Do not use mobile phones.At present, mobile phones or mobile phones play an important role for the living in the field of communication. Until I can count as factors 6 deputy from the vehicle. This law our neighbors, such as Japan, China, Singapore, MalaysiaThey are used to force a long time ago. Yes, our city will by this Law in time. But we spent more than one year in 5 body and through this law. (even though this law was cut short).The statistics show that when this law enforcement and accident statistics in the country decreased significantly. And have to study from University, Thailand
.
.When using a mobile phone while driving is the attention and response. The needed driving down, such as using a mobile phone while driving to see signs do not see traffic lights, stage reduced braking, and so on.The 80 mg% ever (a itself). But used to use the phone in the car can reflect one. Because of this law, with the exception in the case of using the phone with accessories (Small talk or Hand free.But the driver must not hold or catch that mobile phone. The history of this exception because some current take a trip in the car, quite a lot of hours, especially in big cities, such as Bangkok.If you are not to use the phone, it will affect the businessmen or politicians, to use the telephone to communicate all the time, so the exception. Better than Japan, prohibit the use of telephones in every case is no exception.400 baht to 1.000% compared with our neighboring countries and considered relatively low

.However, not to violate it. Because many parties have submitted the blame by a points deduction. But through the Council and the force I don't know when the next track.Or, do not listen to music or listen to the radio while driving.