Sir ken robinson เป็นผู้เปลี่ยนแปลงทัศนคติทางการศึกษา ปัจจุบันทุกประเท translation - Sir ken robinson เป็นผู้เปลี่ยนแปลงทัศนคติทางการศึกษา ปัจจุบันทุกประเท English how to say

Sir ken robinson เป็นผู้เปลี่ยนแปลง

Sir ken robinson เป็นผู้เปลี่ยนแปลงทัศนคติทางการศึกษา ปัจจุบันทุกประเทศในโลกกำลังพยายามปฏิรูปการศึกษา ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ 1.เศรษฐกิจ ผู้คนพยายามหาวิธีทางว่าจะให้การศึกษาแก่เยาวชนให้เหมาะสมกับเศรษฐกิจอย่างไร 2.วัฒนธรรม ทุกประเทศในโลกกำลังพยายามหาวิธีว่าจะให้การศึกษาแก่ประชาชนอย่างไร เพื่อพวกเขาจะได้มีจิตสำนึกทางวัฒนธรรม ปัญหาก็คือพวกเขาพยายามจะก้าวสู้อนาคต พวกเขากำลังทำให้เยาวชนเห็นว่าการไปโรงเรียนเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญ เมื่อเราไปโรงเรียนเราจะถูกสั่งสอนว่าถ้าเราตั้งใจเรียน มีผลการเรียนที่ดี เข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ จบปริญญาเราจะได้งานที่ดีๆทำ แต่ปริญญาไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันอีกต่อไป ปัญหาก็คือระบบศึกษาปัจจุบันนั้นถูกออกแบบและสร้างในยุคสมัยของวัฒนธรรมการเห็นแจ้งทางสติปัญญา และในสภาวะทางเศรษฐกิจการปฏิวัติอุตสาหกรรม ก่อนช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ไม่มีการศึกษาภาครัฐ เราจะได้รับการศึกษาจากโบสถ์หากมีเงินมากพอ แต่การศึกษาภาครัฐมากจากเงินภาษีบังคับให้ทุกคนต้องเรียนและไม่มีค่าใช้จ่าย หลายคนปฏิเสธแนวคิดนี้ เพราะพวกเขาเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่เด็กข้างถนนจะได้รับประโยชน์จากการศึกษาภาครัฐ พวกเขาอ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้ จะเสียเวลาเรียนไปเพื่ออะไร นั้นจึงเป็นที่มาของการแบ่งโครงสร้างทางสังคมและความสารถขึ้นมา มุมมองเชิงการรู้แจ้งของความฉลาดซึ่งประกอบด้วย 1.การใช้เหตุผลแบบนิรนัย คือ เป็นการนำความรู้พื้นฐาน หรือความเชื่อ ซึ้งเป็นสิ่งที่รู้มาก่อน มายอมรับว่าเป็นความจริงเพื่อหาเหตุผลนำไปสู่ข้อสรุป 2.องค์ความรู้แบบดั่งเดิม ซึ่งทำให้เรานึกถึงความสามารถทางวิชาการ ซึ่งแนวคิดนี้เป็นแนวคิดนี้ฝั่งรากลึกในการศึกษาภาครัฐว่าคนมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ คนที่มีความรู้กับคนที่ไม่มีความรู้ ผลก็คือคนที่ฉลาดมากๆ คนอื่นคิดว่าไม่ฉลาดเพราะพวกเขาถูกตัดสินจากมุมมองเชิงสติปัญญา เราจึงมีแนวคิดหลักอยู่ 2 อย่าง คือ เศรษฐกิจกับสติปัญญา แนวคิดนี้ดีกับบางคนที่ได้รับผลประโยชน์ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลประโยชน์และทุกข์กับสิ่งนี้ นี้เป็นโรคระบาดสมัยใหม่ ADHD (Attention Deficit Hyperactivity Disorder) คือโรคสมาธิสั้น เป็นหนึ่งในความผิดปกติในวัยเด็กมากที่สุด และสามารถดำเนินการต่อผ่านวัยรุ่นและผู้ใหญ่ อาการของโรคนี้คือจะฟุ้งซ่านได้ง่าย มีความยากลำบากในการประมวลผลข้อมูล อยู่ไม่สุข ใจร้อน การรักษานั้นสามารถบรรเทาอาการได้ แต่ไม่สารถรักษาให้หายได้ ส่วนมากจะใช้ยาในการบรรเทาอาการ ชนิดยาที่พบบ่อยที่สุดสำหรับการรักษาโรคสมาธิสั้น นั้นก็คือยากระตุ้น จะส่งผลให้สงบเงียบมากขึ้นในเด็กที่มีสมาธิสั้น แต่หนึ่งขนาดเหมาะกับแต่ละคนไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและระมัดระวัง ผลข้างเคียงของยากระตุ้นคือ ลดความอยากอาหาร มีปัญหาการนอนหลับ และจิตบำบัดก็ยังสามารถช่วยบำบัดอาการสมาธิสั้นของเด็กได้ มีแพทย์หลายท่านที่คิดว่า โรคADHD (Attention Deficit Hyperactivity Disorder)มีอยู่จริง แต่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่โรคระบาดมันเป็นแฟชั่นทางการแพทย์ ลูกหลานของเรากำลังใช้ชีวิตอยู่ในยุคที่มีสิ่งเร้ารุนแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก พวกเขาถูกห้อมล้อมด้วยข้อมูลข่าวสารและถูกดึงความสนใจจากสื่อ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ ป้านโฆษณาและโทรทัศน์ ทำให้มีคนเป็นโรค ADHD มากขึ้น เพราะมัวแต่สนใจกับสิ่งเร้ารอบข้าง และไม่สนใจในเรื่องน่าเบื่อทั้งหลายในโรงเรียน ปัจจุบันจะใช้ยา Adderall และ Ritalin ในการรักษา ซึ่งเป็นยาที่ค่อนข้างอันตรายเพื่อให้เด็กมีสมาธิและสงบลง แต่ในปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคADHDเพิ่มมากขึ้น ผู้คนเริ่มหลงลืม เริ่มคิดอะไรไม่ออก และในที่สุดก็ลืม ยาได้ส่งผลให้เกิดสภาวะเฉื่อยชาคือเมื่อคุณปิดประสาทสัมผัส ไม่รับรู้ในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า เรากำลังส่งลูกหลานของเราเข้าสู่ระบบการศึกษาด้วยการส่งให้พวกเค้าเข้าสู่ความเฉื่อยชา แท้จริงแล้วเราควรทำสิ่งที่ตรงกันข้ามเราไม่ควรให้พวกเค้ารู้สึกง่วงซึม เราควรให้พวกเค้าตื่นตัวกับสิ่งที่พวกเค้ามีอยู่ในตัวเอง เรามีระบบการศึกษาที่ถูกสร้างขึ้นจากแนวคิดการพัฒนาอุตสาหกรรมและภาพลักษณ์ หลายโรงเรียนยังคงการจัดการแบบสายอุตสาหกรรม เช่น การสั่นกระดิ่ง ใช้ทรัพยากรต่างๆแยกกัน และยังคงให้การศึกษาเด็กแบบเป็นกลุ่มๆ ตามกลุ่มอายุ ทำไมแนวคิดที่สำคัญที่สุดว่าเด็กๆมีสิ่งที่เหมือนกันอยู่ก็คืออายุ เด็กบางกลุ่มก็อาจทำได้ดีกว่าอีกกลุ่มหนึ่งที่อายุเท่ากัน หรือในช่วงเวลาที่ต่างกันของวัน หรือเด็กบางคนก็ทำได้ดีเมื่ออยู่คนเดียว


0/5000
From: -
To: -
Results (English) 1: [Copy]
Copied!
Sir ken robinson เป็นผู้เปลี่ยนแปลงทัศนคติทางการศึกษา ปัจจุบันทุกประเทศในโลกกำลังพยายามปฏิรูปการศึกษา ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ 1.เศรษฐกิจ ผู้คนพยายามหาวิธีทางว่าจะให้การศึกษาแก่เยาวชนให้เหมาะสมกับเศรษฐกิจอย่างไร 2.วัฒนธรรม ทุกประเทศในโลกกำลังพยายามหาวิธีว่าจะให้การศึกษาแก่ประชาชนอย่างไร เพื่อพวกเขาจะได้มีจิตสำนึกทางวัฒนธรรม ปัญหาก็คือพวกเขาพยายามจะก้าวสู้อนาคต พวกเขากำลังทำให้เยาวชนเห็นว่าการไปโรงเรียนเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญ เมื่อเราไปโรงเรียนเราจะถูกสั่งสอนว่าถ้าเราตั้งใจเรียน มีผลการเรียนที่ดี เข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ จบปริญญาเราจะได้งานที่ดีๆทำ แต่ปริญญาไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันอีกต่อไป ปัญหาก็คือระบบศึกษาปัจจุบันนั้นถูกออกแบบและสร้างในยุคสมัยของวัฒนธรรมการเห็นแจ้งทางสติปัญญา และในสภาวะทางเศรษฐกิจการปฏิวัติอุตสาหกรรม ก่อนช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ไม่มีการศึกษาภาครัฐ เราจะได้รับการศึกษาจากโบสถ์หากมีเงินมากพอ แต่การศึกษาภาครัฐมากจากเงินภาษีบังคับให้ทุกคนต้องเรียนและไม่มีค่าใช้จ่าย หลายคนปฏิเสธแนวคิดนี้ เพราะพวกเขาเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่เด็กข้างถนนจะได้รับประโยชน์จากการศึกษาภาครัฐ พวกเขาอ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้ จะเสียเวลาเรียนไปเพื่ออะไร นั้นจึงเป็นที่มาของการแบ่งโครงสร้างทางสังคมและความสารถขึ้นมา มุมมองเชิงการรู้แจ้งของความฉลาดซึ่งประกอบด้วย 1.การใช้เหตุผลแบบนิรนัย คือ เป็นการนำความรู้พื้นฐาน หรือความเชื่อ ซึ้งเป็นสิ่งที่รู้มาก่อน มายอมรับว่าเป็นความจริงเพื่อหาเหตุผลนำไปสู่ข้อสรุป 2.องค์ความรู้แบบดั่งเดิม ซึ่งทำให้เรานึกถึงความสามารถทางวิชาการ ซึ่งแนวคิดนี้เป็นแนวคิดนี้ฝั่งรากลึกในการศึกษาภาครัฐว่าคนมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ คนที่มีความรู้กับคนที่ไม่มีความรู้ ผลก็คือคนที่ฉลาดมากๆ คนอื่นคิดว่าไม่ฉลาดเพราะพวกเขาถูกตัดสินจากมุมมองเชิงสติปัญญา เราจึงมีแนวคิดหลักอยู่ 2 อย่าง คือ เศรษฐกิจกับสติปัญญา แนวคิดนี้ดีกับบางคนที่ได้รับผลประโยชน์ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลประโยชน์และทุกข์กับสิ่งนี้ นี้เป็นโรคระบาดสมัยใหม่ ADHD (Attention Deficit Hyperactivity Disorder) คือโรคสมาธิสั้น เป็นหนึ่งในความผิดปกติในวัยเด็กมากที่สุด และสามารถดำเนินการต่อผ่านวัยรุ่นและผู้ใหญ่ อาการของโรคนี้คือจะฟุ้งซ่านได้ง่าย มีความยากลำบากในการประมวลผลข้อมูล อยู่ไม่สุข ใจร้อน การรักษานั้นสามารถบรรเทาอาการได้ แต่ไม่สารถรักษาให้หายได้ ส่วนมากจะใช้ยาในการบรรเทาอาการ ชนิดยาที่พบบ่อยที่สุดสำหรับการรักษาโรคสมาธิสั้น นั้นก็คือยากระตุ้น จะส่งผลให้สงบเงียบมากขึ้นในเด็กที่มีสมาธิสั้น แต่หนึ่งขนาดเหมาะกับแต่ละคนไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและระมัดระวัง ผลข้างเคียงของยากระตุ้นคือ ลดความอยากอาหาร มีปัญหาการนอนหลับ และจิตบำบัดก็ยังสามารถช่วยบำบัดอาการสมาธิสั้นของเด็กได้ มีแพทย์หลายท่านที่คิดว่า โรคADHD (Attention Deficit Hyperactivity Disorder)มีอยู่จริง แต่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่โรคระบาดมันเป็นแฟชั่นทางการแพทย์ ลูกหลานของเรากำลังใช้ชีวิตอยู่ในยุคที่มีสิ่งเร้ารุนแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก พวกเขาถูกห้อมล้อมด้วยข้อมูลข่าวสารและถูกดึงความสนใจจากสื่อ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ ป้านโฆษณาและโทรทัศน์ ทำให้มีคนเป็นโรค ADHD มากขึ้น เพราะมัวแต่สนใจกับสิ่งเร้ารอบข้าง และไม่สนใจในเรื่องน่าเบื่อทั้งหลายในโรงเรียน ปัจจุบันจะใช้ยา Adderall และ Ritalin ในการรักษา ซึ่งเป็นยาที่ค่อนข้างอันตรายเพื่อให้เด็กมีสมาธิและสงบลง แต่ในปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคADHDเพิ่มมากขึ้น ผู้คนเริ่มหลงลืม เริ่มคิดอะไรไม่ออก และในที่สุดก็ลืม ยาได้ส่งผลให้เกิดสภาวะเฉื่อยชาคือเมื่อคุณปิดประสาทสัมผัส ไม่รับรู้ในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า เรากำลังส่งลูกหลานของเราเข้าสู่ระบบการศึกษาด้วยการส่งให้พวกเค้าเข้าสู่ความเฉื่อยชา แท้จริงแล้วเราควรทำสิ่งที่ตรงกันข้ามเราไม่ควรให้พวกเค้ารู้สึกง่วงซึม เราควรให้พวกเค้าตื่นตัวกับสิ่งที่พวกเค้ามีอยู่ในตัวเอง เรามีระบบการศึกษาที่ถูกสร้างขึ้นจากแนวคิดการพัฒนาอุตสาหกรรมและภาพลักษณ์ หลายโรงเรียนยังคงการจัดการแบบสายอุตสาหกรรม เช่น การสั่นกระดิ่ง ใช้ทรัพยากรต่างๆแยกกัน และยังคงให้การศึกษาเด็กแบบเป็นกลุ่มๆ ตามกลุ่มอายุ ทำไมแนวคิดที่สำคัญที่สุดว่าเด็กๆมีสิ่งที่เหมือนกันอยู่ก็คืออายุ เด็กบางกลุ่มก็อาจทำได้ดีกว่าอีกกลุ่มหนึ่งที่อายุเท่ากัน หรือในช่วงเวลาที่ต่างกันของวัน หรือเด็กบางคนก็ทำได้ดีเมื่ออยู่คนเดียว
Being translated, please wait..
Results (English) 2:[Copy]
Copied!
Sir ken robinson เป็นผู้เปลี่ยนแปลงทัศนคติทางการศึกษา ปัจจุบันทุกประเทศในโลกกำลังพยายามปฏิรูปการศึกษา ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ 1.เศรษฐกิจ ผู้คนพยายามหาวิธีทางว่าจะให้การศึกษาแก่เยาวชนให้เหมาะสมกับเศรษฐกิจอย่างไร 2.วัฒนธรรม ทุกประเทศในโลกกำลังพยายามหาวิธีว่าจะให้การศึกษาแก่ประชาชนอย่างไร เพื่อพวกเขาจะได้มีจิตสำนึกทางวัฒนธรรม ปัญหาก็คือพวกเขาพยายามจะก้าวสู้อนาคต พวกเขากำลังทำให้เยาวชนเห็นว่าการไปโรงเรียนเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญ เมื่อเราไปโรงเรียนเราจะถูกสั่งสอนว่าถ้าเราตั้งใจเรียน มีผลการเรียนที่ดี เข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ จบปริญญาเราจะได้งานที่ดีๆทำ แต่ปริญญาไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันอีกต่อไป ปัญหาก็คือระบบศึกษาปัจจุบันนั้นถูกออกแบบและสร้างในยุคสมัยของวัฒนธรรมการเห็นแจ้งทางสติปัญญา และในสภาวะทางเศรษฐกิจการปฏิวัติอุตสาหกรรม ก่อนช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ไม่มีการศึกษาภาครัฐ เราจะได้รับการศึกษาจากโบสถ์หากมีเงินมากพอ แต่การศึกษาภาครัฐมากจากเงินภาษีบังคับให้ทุกคนต้องเรียนและไม่มีค่าใช้จ่าย หลายคนปฏิเสธแนวคิดนี้ เพราะพวกเขาเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่เด็กข้างถนนจะได้รับประโยชน์จากการศึกษาภาครัฐ พวกเขาอ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้ จะเสียเวลาเรียนไปเพื่ออะไร นั้นจึงเป็นที่มาของการแบ่งโครงสร้างทางสังคมและความสารถขึ้นมา มุมมองเชิงการรู้แจ้งของความฉลาดซึ่งประกอบด้วย 1.การใช้เหตุผลแบบนิรนัย คือ เป็นการนำความรู้พื้นฐาน หรือความเชื่อ ซึ้งเป็นสิ่งที่รู้มาก่อน มายอมรับว่าเป็นความจริงเพื่อหาเหตุผลนำไปสู่ข้อสรุป 2.องค์ความรู้แบบดั่งเดิม ซึ่งทำให้เรานึกถึงความสามารถทางวิชาการ ซึ่งแนวคิดนี้เป็นแนวคิดนี้ฝั่งรากลึกในการศึกษาภาครัฐว่าคนมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ คนที่มีความรู้กับคนที่ไม่มีความรู้ ผลก็คือคนที่ฉลาดมากๆ คนอื่นคิดว่าไม่ฉลาดเพราะพวกเขาถูกตัดสินจากมุมมองเชิงสติปัญญา เราจึงมีแนวคิดหลักอยู่ 2 อย่าง คือ เศรษฐกิจกับสติปัญญา แนวคิดนี้ดีกับบางคนที่ได้รับผลประโยชน์ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลประโยชน์และทุกข์กับสิ่งนี้ นี้เป็นโรคระบาดสมัยใหม่ ADHD (Attention Deficit Hyperactivity Disorder) คือโรคสมาธิสั้น เป็นหนึ่งในความผิดปกติในวัยเด็กมากที่สุด และสามารถดำเนินการต่อผ่านวัยรุ่นและผู้ใหญ่ อาการของโรคนี้คือจะฟุ้งซ่านได้ง่าย มีความยากลำบากในการประมวลผลข้อมูล อยู่ไม่สุข ใจร้อน การรักษานั้นสามารถบรรเทาอาการได้ แต่ไม่สารถรักษาให้หายได้ ส่วนมากจะใช้ยาในการบรรเทาอาการ ชนิดยาที่พบบ่อยที่สุดสำหรับการรักษาโรคสมาธิสั้น นั้นก็คือยากระตุ้น จะส่งผลให้สงบเงียบมากขึ้นในเด็กที่มีสมาธิสั้น แต่หนึ่งขนาดเหมาะกับแต่ละคนไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและระมัดระวัง ผลข้างเคียงของยากระตุ้นคือ ลดความอยากอาหาร มีปัญหาการนอนหลับ และจิตบำบัดก็ยังสามารถช่วยบำบัดอาการสมาธิสั้นของเด็กได้ มีแพทย์หลายท่านที่คิดว่า โรคADHD (Attention Deficit Hyperactivity Disorder)มีอยู่จริง แต่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่โรคระบาดมันเป็นแฟชั่นทางการแพทย์ ลูกหลานของเรากำลังใช้ชีวิตอยู่ในยุคที่มีสิ่งเร้ารุนแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก พวกเขาถูกห้อมล้อมด้วยข้อมูลข่าวสารและถูกดึงความสนใจจากสื่อ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ ป้านโฆษณาและโทรทัศน์ ทำให้มีคนเป็นโรค ADHD มากขึ้น เพราะมัวแต่สนใจกับสิ่งเร้ารอบข้าง และไม่สนใจในเรื่องน่าเบื่อทั้งหลายในโรงเรียน ปัจจุบันจะใช้ยา Adderall และ Ritalin ในการรักษา ซึ่งเป็นยาที่ค่อนข้างอันตรายเพื่อให้เด็กมีสมาธิและสงบลง แต่ในปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคADHDเพิ่มมากขึ้น ผู้คนเริ่มหลงลืม เริ่มคิดอะไรไม่ออก และในที่สุดก็ลืม ยาได้ส่งผลให้เกิดสภาวะเฉื่อยชาคือเมื่อคุณปิดประสาทสัมผัส ไม่รับรู้ในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า เรากำลังส่งลูกหลานของเราเข้าสู่ระบบการศึกษาด้วยการส่งให้พวกเค้าเข้าสู่ความเฉื่อยชา แท้จริงแล้วเราควรทำสิ่งที่ตรงกันข้ามเราไม่ควรให้พวกเค้ารู้สึกง่วงซึม เราควรให้พวกเค้าตื่นตัวกับสิ่งที่พวกเค้ามีอยู่ในตัวเอง เรามีระบบการศึกษาที่ถูกสร้างขึ้นจากแนวคิดการพัฒนาอุตสาหกรรมและภาพลักษณ์ หลายโรงเรียนยังคงการจัดการแบบสายอุตสาหกรรม เช่น การสั่นกระดิ่ง ใช้ทรัพยากรต่างๆแยกกัน และยังคงให้การศึกษาเด็กแบบเป็นกลุ่มๆ ตามกลุ่มอายุ ทำไมแนวคิดที่สำคัญที่สุดว่าเด็กๆมีสิ่งที่เหมือนกันอยู่ก็คืออายุ เด็กบางกลุ่มก็อาจทำได้ดีกว่าอีกกลุ่มหนึ่งที่อายุเท่ากัน หรือในช่วงเวลาที่ต่างกันของวัน หรือเด็กบางคนก็ทำได้ดีเมื่ออยู่คนเดียว


Being translated, please wait..
Results (English) 3:[Copy]
Copied!
Sir Ken Robinson is the attitude change in education. At present, all the countries in the world were trying to reform education. For the reason 2 factors is 1. Economy, people try to find a way to educate the youth to suit the economy how 2.Culture, all countries in the world are trying to find a way to educate people. So they can have the cultural consciousness The problem is that they try to advance against the future.When we go to school, we were taught that if we study hard and have good grades. Attend university, graduated, we got a good job. But a degree does not guarantee any longer.In economic conditions and the industrial revolution before the mid century 19 No study government. We have been studied from the church if have enough money. But the government a lot of money taxes forced everyone must learn and is free of charge.Because they believe the impossible street kids will benefit from the government, they can't read, write the book. Is a waste of time to learn it.View of Enlightenment of intelligence, which consists of 1.Deductive reasoning is the basic knowledge or belief, that is what รู้มาก่อน. To accept as true for a reason lead to the conclusion 2.Conventional knowledge, which remind us of academic ability. This approach is this concept the deep roots in public education that person has 2 groups. People who know with a person who has no knowledge. As a result, who is very smart.We are the main idea is 2. Economy and intelligence. This concept well with some benefit. But most people don't get benefit and suffering with this. This plague modern ADHD (Attention Deficit Hyperactivity Disorder).Is one of the most disorders in childhood And can proceed through the teens and adults. The symptoms of this disease is to be distracted easily. There are difficulties in data processing, restless, impatient.But can't be cured. Most drugs in relief. The most common type of drugs for the treatment of ADHD is a stimulant. Will contribute to a more peaceful in children with ADHDEspecially with children must be closely monitored and carefully. Side effects of stimulants is to reduce appetite, sleep problems. And psychotherapy can also help ADHD treatment of children.The disease ADHD (Attention Deficit Hyperactivity Disorder) exist, but it is also argued. But it's not the plague it is fashionable medical.They were surrounded by information and drawn attention from the media, such as computer, telephone, an advertising and television makes people disease. ADHD more. Because the focus to stimuli around.The current drug use and Adderall Ritalin in treatment, which drug is quite dangerous for the children to concentrate and calm down. But at present there are patients with ADHD more and more people start to forget. Don't think and eventually forget.Not to know what is happening in front of you. We are sending our children into education sending them into inaction. In fact, we should do the opposite, we should not let them feel drowsiness.We have the education system that is made up of the concept of industrial development and corporate image. Many schools continue to line management industry such as bell, use resources separately and continues to educate children in groups.Why is the concept that is the most important that the children had one thing in common is that age. Some children may do better than another group a group of the same age. Or at different times of the day. Or someone can do well when alone!

.
Being translated, please wait..
 
Other languages
The translation tool support: Afrikaans, Albanian, Amharic, Arabic, Armenian, Azerbaijani, Basque, Belarusian, Bengali, Bosnian, Bulgarian, Catalan, Cebuano, Chichewa, Chinese, Chinese Traditional, Corsican, Croatian, Czech, Danish, Detect language, Dutch, English, Esperanto, Estonian, Filipino, Finnish, French, Frisian, Galician, Georgian, German, Greek, Gujarati, Haitian Creole, Hausa, Hawaiian, Hebrew, Hindi, Hmong, Hungarian, Icelandic, Igbo, Indonesian, Irish, Italian, Japanese, Javanese, Kannada, Kazakh, Khmer, Kinyarwanda, Klingon, Korean, Kurdish (Kurmanji), Kyrgyz, Lao, Latin, Latvian, Lithuanian, Luxembourgish, Macedonian, Malagasy, Malay, Malayalam, Maltese, Maori, Marathi, Mongolian, Myanmar (Burmese), Nepali, Norwegian, Odia (Oriya), Pashto, Persian, Polish, Portuguese, Punjabi, Romanian, Russian, Samoan, Scots Gaelic, Serbian, Sesotho, Shona, Sindhi, Sinhala, Slovak, Slovenian, Somali, Spanish, Sundanese, Swahili, Swedish, Tajik, Tamil, Tatar, Telugu, Thai, Turkish, Turkmen, Ukrainian, Urdu, Uyghur, Uzbek, Vietnamese, Welsh, Xhosa, Yiddish, Yoruba, Zulu, Language translation.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: